วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ความแตกต่างระหว่าง intel core I และ Xeon

แนะนำการเลือกใช้ CPU Intel Core i และ Intel Xeon ให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน

จัดให้ตามคำขอสำหรับเพื่อนๆที่ส่งสัยกันว่า CPU ทั้ง 2 ตระกูลจากทาง Intel อย่าง Intel Core i และ Intel Xeon มีความแตกต่างกันอย่างไร แต่ละรุ่นเหมาะกับการใช้งานรูปแบบใด วันนี้เราจะพาเพื่อนๆมาทำความรู้จักกับ CPU ทั้ง 2 ตระกูลยอดนิยมนี้กันครับ เพื่อให้เพื่อนๆได้เลือกใช้ CPU ให้เหมาะกับสเปค/ ลักษณะการใช้งาน ภายในความคุ้มค่ามากที่สุด

Intel Core i Processors
CPU ยอดนิยมที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลายที่สุด โดยทาง Intel พัฒนา CPU ตระกูลนี้มาสำหรับการใช้งานในกลุ่ม Consumer รูปแบบต่างๆ ไล่ตั้งแต่การใช้งานระดับเบื้องต้น , การใช้งานมัลติมีเดียภายในบ้าน ด้วยการนำไปประกอบ HTPC, การใช้เล่นเกมด้วยการนำไปประกอบเป็น Gamer PC และ ณ ปัจจุบัน CPU ที่ได้รับความนิยมของ Intel Core i มี 2 แพล็ตฟอร์มด้วยกัน ได้แก่ Socket LGA 1150 รวมถึง Socket LGA 1151 ที่กำลังจะมาในอนาคต ซึ่งเป็นแพล็ตฟอร์มสำหรับผู้ใช้ระดับโปร ซึ่งด้วยศักยภาพของ CPU  Socket นี้ถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานมัลติมีเดียทั้งหมดในปัจจุบัน แต่ถ้าหากผู้ใช้ท่านใดต้องการประสิทธิภาพระดับสูงสุด และต้องการได้รับประสบการณ์ที่เหนือกว่า Socket LGA 1150 คงต้องเลือกใช้แพล็ตฟอร์มที่ใหญ่กว่าอย่าง LGA 2011 ซึ่งเป็น CPU ในตระกูล Core i Extreme Edition ตอบรับต่อการประกอบใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ได้ในระบบที่ใหญ่กว่า ประสิทธิภาพสูงกว่า โดยหากเป็น CPU Intel Core i ใน Socket LGA 1150 เราขอหยิบยก CPU 3 ซีรีย์ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันได้แก่


Intel Core i3 Series
ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานระดับ Entry เพื่อประกอบใช้งานบนเครื่อง Office PC, HTPC, Gamer PC ระดับเบื้องต้น โดย CPU ตระกูลนี้ให้ประสิทธิภาพที่เพียงพอสำหรับงานในองค์กรเช่น การพิมพ์เอกสาร การท่องเว็บ การค้นหาข้อมูล การทำงานกราฟิกเบื้องต้น รวมถึงการใช้งานมัลติมีเดียเบื้องต้น เช่น การรับชมภาพยนตร์ภายในบ้าน การเล่นเกมออนไลน์ หรือเกมที่กราฟิกไม่หนักมาก ซึ่ง CPU ในตระกูลเหมาะสำหรับการติดตั้งใช้งานร่วมกับการ์ดจอระดับ Mid-Range ลงมา ในทางกลับกันหากนำไปใช้งานร่วมกับการ์ดจอระดับ high-end จะไม่สามารถรีดประสิทธิภาพสูงสุดของการ์ดจอออกมาได้

Intel Core i5 Series
เป็น CPU ระดับ Mainstream ให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า Core i3 มากพอสมควร ซึ่งมีเพื่อนๆสอบถามกันเข้ามาเยอะว่า จะประกอบคอมฯเล่นเกมควรเลือกใช้ CPU ที่เป็น Core i5 หรือ Core i7 หากเลือกใช้ Core i5 จะเพียงพอรึเปล่าสำหรับการเล่นเกม ต้องบอกว่าการเล่นเกม ณ ปัจจุบัน เลือกใช้ CPU ตระกูล Core i5 ถือว่าเพียงพอแล้ว สามารถขับพลังของการ์ดจอระดับ high-end ได้อย่างสบาย อย่างเช่น การเล่นเกมความละเอียด Full HD หรือ 4K ในปัจจุบัน หากเลือกจัดสเปคทั้งในส่วน Memory และการ์ดจอร่วมกับ CPU Core i5 ได้อย่างลงตัวก็ถือว่าเล่นเกมได้อีกนาน หรือจะเป็นการรับชมภาพยนตร์ความละเอียดสูง เช่น ความละเอียด 2K, 4K ก็ไม่มีปัญหา สำหรับเพื่อนๆที่มีงบประมาณที่จำกัด เราแนะนำให้เปลี่ยนตัวเลือกจาก Core i7 มาเป็น Core i5 แล้วนำงบประมาณส่วนต่างไปเลือกซื้อการ์ดจอตัวแรงจะดีกว่าครับ

Intel Core i7 Series
แน่นอนว่า CPU ในซีรีย์นี้เป็น CPU ระดับ Flagship ที่ดีที่สุดในตระกูล Intel Core i มาพร้อมกับ Core/ Threads/ Cache รวมถึง Clock Speed และสเปคโดยรวมที่สูงกว่า CPU ในตระกูลอื่นๆ รวมถึงรองรับฟีเจอร์และชุดคำสั่งสำหรับการใช้งานได้ดีในทุกรูปแบบ จึงมีคำถามว่าหากใช้ Core i5 ก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานมัลติมีเดีย/ เล่นเกมทั่วไป ทำไมเราจะต้องเลือกใช้หรืออัพเกรดมาสู่ CPU Core i7 แน่นอนว่าคำตอบคือเรื่องของประสิทธิภาพบน Core i7 ที่  อีกทั้งตอบรับกับเมนบอร์ดที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ในระบบใหญ่ เช่น การเชื่อมต่อการ์ดจอในแบบ Multi-GPU ซึ่งหากเลือกใช้ CPU Core i5 ก็จะไม่เพียงพอสำหรับการรีดประสิทธิภาพของการ์ดจอออกมาได้สูงสุด ซึ่งจะเห็นผลต่างชัดเจนในด้านการใช้งาน เช่น นำไปเล่นเกมจะให้ค่า FPS ที่แตกต่างกันมากพอสมควรเป็นต้น นอกจากนี้ยังมี CPU ในตระกูล Core i7 Extreme ที่ประจำการอยู่บนแพล็ตฟอร์ม LGA 2011 ที่จะมาพร้อมสเปคที่เหนือกว่า Core i7 บนแพล็ตฟอร์ม LGA 1150 เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มองหาความเป็นที่สุดในการใช้งานมัลติมีเดีย ด้วยสเปคจะรองรับการทำงานร่วมกับเมนบอร์ดที่ความจุสูงกว่า รองรับการติดตั้งอุปกรณ์ Storage ได้หลายช่องทางกว่า รวมถึงพอร์ตเชื่อมต่ออื่นๆ เช่น USB/ Expansion Slot สำหรับเชื่อมต่อการ์ดจอบนแบนด์วิดท์ที่สูงกว่า เป็นต้น โดย CPU ในตระกูลนี้ มักจะนำมาประกอบ Gamer PC ระดับ Extreme เช่น เล่นเกมความละเอียด 4K เล่นเกมแบบ Multi-Display รวมถึงการนำไปประยุกต์ใช้ด้านการทำงาน เช่น นำมาติดตั้งร่วมกับการ์ดจอ WorkStation และใช้จุดเด่นด้านประสิทธิภาพของ CPU มาใช้ทำงานร่วมกันครับ

อีกจุดสำคัญคือ CPU เกรด Consumer ที่กล่าวมานี้ จะรองรับการทำงานร่วมกับ Memory แบบ Non-ECC หรือ Memory แบบปกติที่เราใช้งานกันทั่วไป สำหรับด้านประสิทธิภาพและความจุ ณ ปัจจุบันรองรับการใช้งานอย่างครอบคลุมอยู่แล้ว แต่หากมุ่งเน้นในด้านความเสถียรของระบบควรไปใช้ CPU ในตระกูล Intel Xeon ที่รองรับ Memory แบบ ECC จะดีกว่าครับ



Intel Xeon Processors
CPU ที่ออกแบบมาสำหรับการทำงานโดยเฉพาะ โดยทาง Intel ออกแบบ CPU ตระกูลนี้มาสำหรับการใช้งานในกลุ่ม Server/ WorkStation ตอบสนองต่อกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการความเสถียร และประสิทธิภาพสูงในการใช้ทำงาน ณ ปัจจุบัน CPU ที่คนทำงานนิยมใช้กันคือ CPU ในตระกูล E3 Series บนแพล็ตฟอร์ม LGA 1150 และ CPU ตระกูล E5 Series บนแพล็ตฟอร์ม LGA 2011 แน่นอนว่า CPU ทั้ง 2 ซีรีย์นี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิ้งในด้านประสิทธิภาพ และการรองรับการติดตั้งอุปกรณ์ แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์หรือจุดเด่นไว้ก็คือ ความทนทาน ความเสถียร ของระบบที่เหนือกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับ CPU เกรด Consumer อย่าง Intel Core i เพราะ CPU ในตระกูลนี้ถูกออกแบบ/ ติดตั้งชุดคำสั่งมาสำหรับใช้ในด้านการทำงานโดยเฉพาะ ซึ่งก็จะตอบรับการใช้งานบนซอฟต์แวร์ด้านการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่า และรองรับต่ออุปกร์เกรด Server/ WorkStation โดยเฉพาะอีกเช่นกัน

Intel Xeon E3 Series
เป็น CPU ที่ประจำการอยู่บนแพล็ตฟอร์ม LGA 1150 โดยแต่ละรุ่นจะให้ประสิทธิภาพในระดับเดียวกับ CPU ในตระกูล Core i7 แต่จะมีความพิเศษคือฟีเจอร์เพื่อการทำงาน Server/ WorkStation คือ จะรองรับการติดตั้ง Memory ในแบบ ECC (Error Correcting Code) ที่ขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องความเสถียร เพราะ Memory ชนิดนี้จะมีการตรวสอบข้อมูลเข้า/ออกทั้งหมด และทำการแก้ไขคำสั่งที่ผิดพลาดก่อนป้อนข้อมูลออกไป ส่งผลให้ System ที่ประกอบด้วย CPU Intel Xeon และ Memory ECC จะไร้ปัญหาเรื่อง Bluescreen หรืออาการหน่วง อาการค้าง เหมาะสำหรับงาน WorkStation ทั้งในกลุ่มงานกราฟิก, งานออกแบบ, งานตัดต่อ รวมถึงงาน WorkStation รูปแบบต่างๆได้อย่างครอบคลุม

Intel Xeon E5 Series
เป็น CPU บนแพล็ตฟอร์ม LGA 2011 ที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด โดย CPU ในซีรีย์นี้จะให้ประสิทธิภาพในระดับที่เหนือกว่า CPU ตระกูล Core i7 Extreme รวมถึงความโดดเด่นในด้านความเสถียร รองรับอุปกรณ์เกรด WorkStation ได้เหนือกว่า/ หลากหลายกว่า CPU ในตระกูล E3 Series เช่นการเชื่อมต่อ CPU ในแบบ Dual-Socket, Quad-Socket/ การเชื่อมต่อการ์ดจอแบบ Multi-GPU หลายๆใบ เช่น 1x NVIDIA Quadro+ 1x NVIDIA Tesla หรือ 4x AMD FirePro เป็นเต้น รวมถึงรองรับ Memory ในแบบ ECC เพิ่มความเสถียรให้ระบบ และรองรับความจุได้มากกว่า โดยปัจจุบันรองรับความจุสูงสุดถึง 1TB เลยทีเดียว สำหรับ E5 Series ก็เหมาะสำหรับการนำไปประกอบเครื่อง Server ที่ต้องเปิดใช้งานเป็นระยะเวลานานๆ ซึ่งบาง System ไม่สามารถปิดเครื่องได้ หรือไม่สามารถให้เครื่องค้างได้ เพราะจะส่งผลต่อความเสียหายขององค์กรได้เลยทีเดียว หรือการประกอบเครื่อง WorkStation ระดับสูงเพื่อการทำงานออกแบบ งานกราฟิก/ตัดต่อ โปรเจ็คใหญ่ๆ หรืองานคำนวณที่ต้องการประสิทธิภาพระดับสูงสุด หรือการนำไปประยุกต์ใช้ร่วมกับระบบ Zero Client ก็เหมาะเช่นกัน

หากจะให้กล่าวสรุปใจความสั้นๆระหว่าง CPU ทั้ง 2 ตระกูลนี้ก็คือ CPU แบบ Intel Core i เหมาะสำหรับการใช้งานมัลติมีเดียและการเล่นเกม โดยจะแบ่งลักษณะการใช้งานเหมือนที่ได้กล่าวไปก็คือ  Core i3 เหมาะสำหรับใช้งานระดับเบื้องต้นทั่วไป/ Core i5 เหมาะสำหรับงานระดับ Mainstream เพื่อการเล่นเกมความละเอียดสูง การใช้งานมัลติมีเดียที่หลากหลาย และสุดท้าย Core i7 เหมาะสำหรับการใช้งานระดับสูงทุกรูปแบบในด้านมัลติมีเดียและการเล่นเกม รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้หลากหลายกว่า และรีดประสิทธิภาพของอุปกรณ์ชิ้นอื่นๆได้มากที่สุด

ส่วน CPU แบบ Intel Xeon นั้นเหมาะสำหรับการใช้งาน Server/ WorkStation โดยเฉพาะ เพราะถูกออกแบบมาสำหรับด้านการทำงาน มีความเสถียร ความทนทานต่อสภาะการทำงานที่หนักหน่วง และรองรับการติดตั้งอุปกรณ์เกรด WorkStation แบบที่ไม่สามารถหาได้บนอุปกรณ์เกรด Consumer เช่น หากเลือกใช้ CPU Intel Xeon ก็จะรองรับการติดตั้ง Memory แบบ ECC ที่มีการตรวจสอบข้อผิดพลาดก่อนส่งผ่านข้อมูล จึงไร้ปัญหาเครื่องค้าง เครื่องแฮงค์ เครื่องอืด เป็นต้น หรือจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นไปอีก ด้วยการติดตั้ง CPU แบบ 2 ตัวหรือ 4 ตัว ซึ่งฟีเจอร์นี้มีเฉพาะ CPU Intel Xeon เท่านั้น รวมถึงได้รับการ Certified การใช้งานร่วมกับการ์ดจอด้านการทำงานเช่น NVIDIA Quadro, AMD FirePro ได้ดีกว่าครับ และนี่ก็เป็นการแนะนำเบื้องต้นสำหรับการใช้งานของ CPU ทั้ง 2 รูปแบบที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เลือกใช้ CPU ให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน คุณจะได้ประสิทธิภาพและความคุ้มค่ามากที่สุดครับ

cr.Deva's Natural

2 ความคิดเห็น: